วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

ติ๊ดติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดติ๊ด เสียงนาฬิกาข้อมือเตือนให้ผมรู้ว่าเวลางาน 8 ชั่วโมงของผมหมดลงแล้ว 
แต่ผมกลับไม่ได้สนใจมันซักเท่าไหร่ แต่กลับสนใจสิ่งที่ "พี่มัท" พี่สาวแผนกบ้านใกล้เรือนเคียง กำลังเล่าชีวิตของนางกับการทำงาน 13 ปี!!!!!ที่นี่อย่างสนุกสนาน
ฮ่าๆ ดูยิ่งใหญ่ไหม...แต่สำหรับเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างผม ที่โหยหาความก้าวหน้า โหยหาความสำเร็จ สิ่งที่พี่มัทพูดเหมือนเป็นเหมือน Bonus time ในคุ๊กกี้รันที่เราต้องรีบดูดมันเข้ามาให้ได้มากที่สุด ยิ่งฟังมาก ยิ่งอ่านมาก เราก็ยิ่งได้ค่าประสบการณ์ชีวิต
"ถามว่าผลตอบแทนเรื่องตัวเงินมันสำคัญไหม สำหรับการทำงาน ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเงินคือความรู้สึกที่เรามีต่อสิ่งแวดล้อมที่ทำงาน ไม่มีใครอยากมาทำงานแล้วมาเจอกับสภาพแวดล้อมที่แย่ มีแต่การแข่งขัน แบ่งชนชั้นกันตลอดเวลา
วันนี้ถ้านับจริงๆพี่ก็อยู่ที่นี่มา 13 ปี แต่ความสุขความสบายใจที่มีมันไม่ได้ลดลง และมันกลับเพิ่มขึ้นตามอายุงาน มันคือสิ่งที่ดึงดูดให้พี่ทำงานที่นี่ ส่วนในเรื่องของความก้าวหน้า ถ้าเรารักและมีความสุขกับการทำงาน ผลงานก็จะออกมาดีถูกไหม นั่นแหละความก้าวหน้ามันก็ไม่ได้หนีไปไหนไกลหรอก"
พี่มัทพูดไปพร้อมกับสีหน้าและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความหวัง มันทำให้ผมย้อนกลับมาถามตัวเองว่าทุกวันนี้เรานั่งอยู่ท่ามกลางความรู้สึกแบบไหน เราสร้างประโยชน์อะไรให้กับองค์กรบ้าง และเราได้อะไรบ้างจากการทำงานที่นี่ คำตอบที่ผมได้มันก็จริงอย่างที่พี่มัทบอก พอเรามีความสุข เราก็อยากมาทำงาน ทุกวันนี้มาทำงานก็เลยไม่เหมือนมาทำงาน เหมือนเราได้มาทำในสิ่งที่เราอยากทำ พร้อมกับแชร์ความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมงานกันมากกว่า  

ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะเสียเวลากับที่ไหน กับใคร นานเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าคุณเสียมันไปแล้วคุณได้อะไรกลับมา...