วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

39 ข้อคิด จิตวิทยาแห่งความสำเร็จ (บัณฑิต อึ้งรังษี)


1. ฝันให้ใหญ่…..ใหญ่สุดๆ Imagination is Power ถ้าเราตั้งเป้าไว้ว่าจะบินให้ไปถึงดวงดาว  แต่แล้วเราไปถึงได้แค่ยอดเขา เราก็ยังถึงที่สูงกว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มากมายนัก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เคยกล่าวข้อความที่คนทั้งโลกรู้จักกันดีว่า “Imagination is more powerful than knowledge” หรือ จินตนาการมีพลังกว่าความรู้ นั่นคือการใช้จินตนาการเป็นพลังสร้างฝันให้เป็นจริง

2. 
มนุษย์จะพัฒนาการไปตามอย่างที่ตนคิด As a Man Thinks,He is ทุกอย่างเริ่มที่ความคิดเท่านั้น ข่าวดีก็คือ….คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตของคุณได้ โดยการเปลี่ยนความคิดของคุณ นับแต่นี้เป็นต้นไป

3. 
วิ่งหนึ่งไมล์ในสี่นาที 4-Minutes Mile ตัวคุณเองลองวิ่งหนึ่งไมล์ใน4นาทีบ้างสิครับ ด้วยเรื่องง่ายๆ เช่น ออกกำลังกายลดน้ำหนัก ทำอะไรที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้หรือเกี่ยงมานาน

4. ใช้หัวใจเลือกอนาคต Do What You Love, and the Money Will Follow ทำสิ่งที่ตนรักแล้วเงินจะตามมาเอง

5. 
เดินหน้าหาทาง Do What You Can, Where you can ส่วนที่ผมสนใจมากคือชีวประวัติของวาทยกรที่ยิ่งใหญ่ของโลกแต่ละคน

6.
รียนรู้อย่างรวดเร็วเพื่อเอาชนะ Super-Learning หาสิ่งที่เป็นผลงานของคนที่เก่งที่สุดในสาขาที่คุณสนใจมาศึกษาเลียนแบบปรมาจารย์ทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้นไม่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องที่คนทำได้กันแล้วทำให้เรา ต่อยอด ได้เร็วขึ้น มีเวลาคิดค้นเทคนิคใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีใครทำกัน

7. ฝ่าด่านอคติฝรั่ง Over-Prepare ผลงานต้องดีกว่า คือขึดที่ผมใช้ต่อสู้กับอคติ

8. 
เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตามตาม Profile Global, Act Local การทำงานร่วมกับคนจำนวนมากต้อง เก่งงาน”  เพื่อให้เขา ยอมรับต้อง เก่งคนเพื่อให้เขา ยอมฟังยอมทำตามกันเป็นทีม

9. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน 
Goal-Setting เป้าหมายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งของความสำเร็จ คุณต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน วัดได้ แต่อย่าปล่อยให้ล่องลอยอยู่ในอากาศให้เขียนลงไป มันจะทำหน้าที่เป็น สารแห่งแรงบันดาลใจที่สร้างพลังและมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่คิดเสมอ

10. วางแผน เป็นเรื่องง่ายๆ Planning ไม่มีความรู้สึกอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการบรรลุเป้าหมาย เพราะนั้นจะเป็นความรู้สึกที่จะทำให้คุณมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น ข้อแตกต่างระหว่าง ความฝันลมๆแล้งๆกับ ความมุ่งมั่นฝันใฝ่ถึงความสำเร็จก็คือ การวางแผนการวางแผนเป็นเรื่องง่ายๆ ระดับสามัญสำนึก(Common Sense) ถ้าตั้งเป้าหมายของคุณให้ชัดเจนและต้องการมันมากอย่างเพียงพอ การวางแผนก็จะเป็นธรรมชาติ

11. 
สู้ตายตัดทางถอย Burn the Bridge Behind You ตราบใดที่เรายังไม่ตั้งปณิธานให้แน่วแน่ มัวแต่ประนีประนอมสร้าแผนสำรองและเปิดโอกาสให้ตนเองถอยได้ก็จะประสบความเร็จยิ่งใหญ่ไม่ได้เลย ถ้าคุณมุ่งมั่นตัดสินใจทำอะไรแล้วให้ เผาสะพานทิ้งอย่าล้มเลิกกลางคัน

12. 
อ่าน อ่าน อ่าน What You Read, You are คุณต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเรื่องที่ น่าอ่านกับเรื่องที่ ควรอ่านเพราะการอ่านก็คือการเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดเข้าไปในตัว ไม่มีอะไรคุ้มค่าไปกว่าการอ่านหนังสืออีกแล้วละครับ และที่สำคัญไม่มีอะไรมาแทนการอ่านหนังสือได้ด้วย

13. ฝึกซ้อมในใจ Do Within When You are Without ไม่ว่าจะเป็นทักษะอะไรก็ตามการพูดในที่สาธารณะ นำเสนอแผนงานขายสินค้า เล่นเทนนิสคุณสามารถฝึกในใจได้ทั้งนั้น

14. 
ความรับผิดชอบ Responsibility จุดเริ่มต้นการคิดของคุณ ต้องเริ่มต้นด้วยการยอมรับผิดชอบว่าคุณมาถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่คุณเป็นอยู่ไม่ว่าดีหรือร้ายมันเกิดจากคุณทั้งสิ้น ถ้าคุณยอมรับว่าคุณคือคนที่กุมบังเหียนชีวิตของคุณเองคุณจะรู้ถึงศักยภาพที่จะเปลี่ยนอนาคตของคุณเองได้และถ้าคุณจะเปลี่ยนอนาคตของคุณ สิ่งแรกที่คุณต้องเปลี่ยนก็คือความคิดของคุณเอง

15. 
คิดในทางบวก Think Positive ถ้าเราต้องการอะไรจากชีวิตเราก็ต้องคิดอย่างนั้น คิดตลอดเวลาถึงสิ่งที่เราต้องการ อย่าไปพูดถึงสิ่งที่ไม่ต้องการผมกลัวโน่น ผมกลัวนี่ผมไม่อยากจน ผมไม่อยากป่วย อย่าให้ชีวิตคุณถูกครอบคลุมด้วยความกลัว แต่ให้ถูกผลักดันด้วยความฝัน

16. เส้นไม่ใหญ่ไม่เป็นไร Connection สายสัมพันธ์หมายถึงการยอมรับ ซึ่งมีที่มามากกว่าเรื่องความสามารถและผลงาน ถ้ามัวแต่เก่งแล้วไม่ไปเสริมสร้างสายสัมพันธ์ให้คนอื่นเขารักชอบ มักก็จบเพราะฉะนั้น ความสามารถกับการสายสัมพันธ์ต้องไปด้วยกัน

17. 
เพียง Resume ในกระดาษ ไม่ให้งานที่ดีกับใคร งานที่ดีมักจะมาจากการที่คนเรารู้จัก อาจจะเป็นเจ้านายหรือมีคนที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าและเห็นผลงานของเรา ดังนั้นประเด็นจึงมีอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้ผลงานของเราเป็นที่รู้จักนี่เป็นเรื่องของสายสัมพันธ์เครือข่ายความไว้เนื้อเชื่อ ใจในความสามารถจนเกิดการแนะนำบอกต่อกันมา ไม่ใช่เรื่องของกระดาษ “Resume” แผ่นเดียว

18. 
รอให้เรียนจบก็สายแล้ว Always Think Steps Ahead การเรียนทำให้คุณได้ความรู้ได้ทฤษฎีได้ใบปริญญา แต่ยังไม่ได้ ผลงานการไปฝึกงานคือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คุณรู้จักคนในหน่วยงานนั้น จากนั้นต้องทำให้เขาเห็นผลงานของเรา ซึ่งต้องทำให้โดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่น จนที่สุดเขาชอบเราและนึกถึงเราเป็นคนแรกเวลาที่ต้องการคน

19. ตามหาคนเก่งมาเป็นพี่เลี้ยง Learn From the Masters เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะพัฒนาตนเองทางด้านไหน คุณจะต้องไปสืบเสาะเอาคนที่เก่งที่สุดในสาขานั้นมาเป็น พี่เลี้ยงคุณให้ได้ และที่สำคัญคือควรเก่งทางด้านปฏิบัติ ไม่ใช่ด้านทฤษฎีอย่างเดียว การรู้จักคนที่ถูกต้องทำให้เราประหยัดเวลาได้อีกเยอะ

20. 
ชื่อเสียงรักษาเท่าชีวิต Reputation ตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้ถ้าคุณจะมีชื่อเสียง จะให้คนพูดถึงคุณว่าอย่างไรว่าคุณเป็นคนซื่อสัตย์หรือคนโกงว่าคุณเป็นคนตรงเวลาหรืออู้งาน

21. “นอกวงเลยนอกกรอบ” 
Think Outside the Box อย่ายอมรับสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเป็นข้อจำกัดของเรา การคิดต่างกันทำให้อนาคตต่างกัน

22. คิดใหญ่ทลายข้อจำกัด Accept No Limits หากข้อจำกัดนั้นเป็นความจริงที่วางอยู่ตรงหน้าคุณ วิธีการทลายก็คือคิดให้ใหญ่กว่า ซึ่งก็คือการคิดนอกกรอบในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรจำกัดตัวเราได้ ความเป็นไปได้มีหมด เพราะศักยภาพของมนุษย์นั้นมีสูงมาก เพราะฉะนั้น อย่าไปเชื่อข้อจำกัดที่คนอื่นบอกเรามา ข้อจำกัดไม่มีหรอก มีแต่ความคิดเรื่องข้อจำกัด

23. 
ขอคืบให้ศอก Go the Extra Mile ผลงานของคุณจะต้องเยี่ยมและดีพร้อมเสมอ แต่นอกเหนือจากนั้นต้องให้เกินความคาดหมายของผู้รับ อย่าเป็นคนที่ทำได้แค่เท่าที่สั่ง สิ่งนี้ยังเป็นการพัฒนาเราอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

24. 
เพิ่มคุณค่าให้ตนเองเสมอ Constant Improvement งานของผมไม่มีคำว่าอยู่เท่าเดิม ถ้าผมไม่โตหรือพัฒนาความก้าวหน้าอาชีพก็จะเหี่ยวเฉาและตายไปและความจริงนี้ใช้ได้กับธุรกิจหลายประเภทที่มีการแข่งขันกัน

25. ภาษานั้นสำคัญไฉน Language Skills

26. 
พรสวรรค์เรื่องเล็ก ทำงานหนักเป็นเรื่องใหญ่ Talent Genius is 10% inspiration and 90% perspiration

27. อุปสรรคและความผิดหวัง 
Overcoming Obstacles ยิ่งฝันใหญ่เท่าไรก็ต้องเจออุปสรรคมากเท่านั้น สิ่งที่สำคัญคือวิธีคิด เมื่อต้องเจออุปสรรคและความผิดหวัง อย่าให้มันหยุดเราได้ถ้าอุปสรรคและปัญหาเป็นเรื่องที่แน่นอน สิ่งที่จะช่วยให้เราจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือการเตรียมการก่อนล่วงหน้า

28. วิธีเลือกคู่ครองให้ถูก พลังแห่งจิตใต้สำนึกน่าจะนำมาใช้ได้ในการหาคู่ครอง

29. 
ความถ่อมตัว Humility “อย่าคิดว่าเราเก่ง คนที่เคยทำได้เหมือนเราและดีกว่าเราก็มีมากในโลกนี้คนยิ่งขึ้นสูงต้องยิ่งถ่อมตัว

30. 
อย่าเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น Don’t Compare เพราะเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้แต่เราเปลี่ยนอนาคตได้ อย่ามัวเสียเวลาคิดถึงอดีตที่เปลี่ยนไม่ได้ คิดถึงอนาคตที่สดใสของคุณดีกว่า

31. กระสุนนัดเดียวต้องโดน Limites Bullets

32. 
คำปฏิเสธ….นั้นไซร้ธรรมดา Coping with Rejections ผมมีสองทางให้เลือก จะยอมแพ้หรือจะถามคนต่อไปที่อาจจะมีความต้องการ ตรงกับเรา

33. 
กินกบตั้งแต่เช้า Eat that frog ศัตรูตัวเล็กๆที่มีประสิทธิภาพสูงในการสกัดกั้นความสำเร็จคือนิสัยการผัดวันประกันพรุ่งเพื่อสร้างวินัย งานชิ้นแรกที่คุณควรทำในแต่ละวันคืองานที่คุณไม่อยากทำที่สุด งานที่ยากที่สุด

34. โชคชะตาไม่สำคัญ LUCK โชคเกิดขึ้นเมื่อการเตรียมพร้อมพบกับโอกาส

35. 
มีความสุขเดี๋ยวนิ้ Be Happy-Now! ถ้าคุณสังเกต ความสุขไมได้มาจากสิ่งภายนอก มันมาจากภายในขึ้นอยู่กับคุณเห็นค่ากับสิ่งที่ตนเองมีอยู่แล้วมากน้อยแค่ไหน

36. 
โลกนี้ไม่เคยต้องยุติธรรม The World is Never Fair การตอบรับสถานการณ์ที่เรามีหรือเป็นอยู่สำคัญกว่าสถานการณ์ที่ชีวิตให้มา เพราะฉะนั้น ทิศทางของชีวิตเราอยู่ในความควบคุมของเราเอง

37. อย่าล้มเลิก Never Give Up เหตุผลส่วนหนึ่งก็คือว่า บางครั้งความสำเร็จอาจจะอยู่แค่เอื้อม แต่เพราะความท้อแท้และเหนื่อยหน่ายทำให้เราล้มเลิกไปเสียก่อน ความสำเร็จอยู่หัวเลี้ยวสุดท้ายที่เอง

38. 
อย่างหวัดแต่พึ่งคนอื่น Your are Responsible คุณต้องรับผิดชอบอาชีพของคุณเอง

39. 
อธิษฐาน Prayer การอธิฐาน ขาดไม่ได้สำหรับการให้ได้สิ่งที่ต้องการ เมื่อคุณรู้สึกหมดหนทาง…..จงอธิฐาน


ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.yimtamphan.com/?p=16


วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บริกรในโลกเงียบ

บริกรในโลกเงียบ


          ความบกพร่องทางการได้ยินนอกจากเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของคนหูหนวกแล้ว ยังปิดกั้นโอกาสทางอาชีพจนไม่ค่อยมีบริษัทไหนที่จะรับพวกเขาเข้าทำงาน แต่ไม่ใช่กับ Little Wonton Cafe ร้านอาหารจีนดีไซน์เก๋ในย่านกลังวัลเลย์ ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศ มาเลเซีย ที่เปิดโอกาสให้ผู้พิการกลุ่มนี้ 20 คนได้มาเป็นบริกรในร้านเมื่อปลายเดือนกันยายน ด้วยความร่วมมือกับสมาคมคนหูหนวกมาเลเซีย (MDF) ภายใต้ชื่อแคมเปญ “The Deaf Restaurant”  โดยทุกโต๊ะในร้านจะมีคู่มือภาษามือสอดอยูในเมนูไว้เพื่อให้ลูกค้าใช้สั่งอาหารผ่าน “บริกรในโลกเงียบ” ที่ผ่านการอบรมมา 2 เดือนก่อนทำงาน  Elyn Pow หนึ่งในสอง หุ้นส่วนเผยว่าผุดไอเดียนี้เพราะต้องการได้ทำงานจะช่วยให้คนหูหนวกมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ขณะที่ Syed Azmi Alhabshi หุ้นส่วนอีกคนเสริมว่าแคมเปญนี้จะเปิดโอกาสให้คนปกติใช้ภาษามือสื่อสารกับคนหูหนวกมากขึ้นและลดปัญหาการกีดกันคนพิการออกจากสังคม
          The Deaf Restaurant ของร้าน Little Wonton Cafe ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นทีเดียว โดยนอกจากลูกค้าที่ไปอุดหนุนถึงที่แล้ว ผู้ที่ประทับใจยังไปชื่นชมบน Facebook ของทางร้านด้วย จนทั้ง 2 หุ้นส่วนเปรยว่าอาจต่อยอดแคมเปญนี้และพร้อมยินดีให้คำปรึกษาองค์กรอิสระที่ต้องการทำเคมเปญลักษณะเดียวกัน
ที่มา : http://marketeer.co.th/

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

20 ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 45

20 ข้อ ที่ควรรู้และปฏิบัติก่อนอายุ 45

1.ไม่ต้องตั้งใจเรียนมากไป เอาแค่ดีพอหางานดีๆทำก็พอ เพราะโลกแห่งความเป็นจริง วัดกันที่ผลงาน ไม่ใช่ที่เกรด
2.การทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นสำคัญมากพอๆ กับการคร่ำเคร่งหน้าตำราเรียน

3.เลือกงานที่เราชอบนั้นใช่ แต่อย่าลืมด้วยว่า อาชีพนั้น..สามารถเลี้ยงดูตัวเราได้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็อย่าหลอกตัวเอง

4.เมื่อถึงวัยทำงาน ใครเก็บเงินก่อน รวยเร็วกว่าและสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ คือ “ชีวิตที่ไม่มีหนี้ คือชีวิตที่ประเสริฐที่สุด”

5.หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะมันจะเป็นเครื่องนำทางของคุณ ในชาตินี้ตลอดไป

6.ซื้อบ้านก่อน ที่จะซื้อรถ เพราะบ้านมีแต่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น รถมีแต่มูลค่าลดลง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า รถ=ลด

7.ดอกเบี้ยบ้านนั้นมหาโหดมาก รีบใช้ให้หมดโดยเร็วพลัน ก่อนที่จะแก่ แล้วผ่อนไม่ไหว

8.การเก็บเงินเป็นแค่บันไดขั้นแรกสู่ความร่ำรวย แต่ขั้นต่อมา คือ ต้องรู้จักลงทุน. อย่าลืมคบกับที่ปรึกษาการเงินไว้เป็นเพื่อน

9.อย่าเป็นศัตรูกับใครก็ตามบนโลกใบนี้ เพราะคุณจะไม่มีทาง รู้ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะยิ่งใหญ่มาก จนกลับมาทำร้ายคุณก็เป็นได้

10.คอนเน็คชั่นหรือสายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็สู้การมีเพื่อนเยอะไม่ได้

11.ควรมีงานทำมากกว่า 1 งานเพราะความมั่นคง ไม่เคยมีบนโลกใบนี้

12.อย่าคิดว่าตัวเองทำอะไรได้แค่อย่างเดียวเพราะความสามารถของคนเรา มีมากกว่า 1 เสมอ

13.เมื่อมีโอกาสใดก็ตามเข้ามาจงอย่าปฏิเสธ ถึงจะล้มเหลว แต่มันก็คือ ประสบการณ์

14.สร้างเนื้อ สร้างตัวให้ได้เร็วที่สุด ในขณะที่คุณยังมีกำลัง ยังเป็นหนุ่ม-สาว เพราะการฝ่าฟันอุปสรรคในช่วงอายุมาก ไม่ใช่เรื่องสนุก

15.ออกเดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ยังหนุ่มสาวเพราะเมื่อมีครอบครัว การเดินทางจะเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม

16.เลือกคู่ชีวิต จงคิดให้ดีๆ อย่าดูแต่ข้อดีของเขา แต่ต้องดูด้วยว่าเราสามารถรับข้อเสียของเขาได้มากแค่ไหน

17.การมีแฟน หรือสามีภรรยา ยังเลิกกันได้ แต่ความเป็นพ่อแม่ลูก นั้นเลิกกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น ควรดูแลพวกเขาให้ดีๆ

18.ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้

19.ลองหาเวลาอยู่ว่างๆ ไม่ต้องทำอะไรเลยดูบ้าง อย่าแบก โลกทั้งใบไว้คนเดียว และอีกอย่างงานก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

20.สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่ง โปรดถนอม ตัวเองให้มาก่ เมื่อยังเป็นวัยรุ่น อย่าใช้ชีวิตให้หนักเกินไป

จีนลงข่าว บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่สุดในโลก

จีนลงข่าว บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่สุดในโลก


9 สิ่งที่บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่สุดในโลก
ประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลก !!!
เหตุผลที่ประเทศไทย เป็นสยามเมืองยิ้ม มีดังต่อไปนี้

1. ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางครัวโลก ไม่ต้องกลัวอดตาย มีอาหารกินตลอดเวลา และส่งออกไปทั่วโลก
2. ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก มีป่าไม้ ภูเขา ทะเล ทองคำ จนได้ชื่อว่าดินแดนสุวรรณภูมิ
3.ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหวโดยตรง แนวแผ่นดินไหวอ้อมประเทศไทยทั้งประเทศ ในขณะที่เกือบทั้งโลกอยู่ในเขตแผ่นดินไหวรุนแรง
4. ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตพายุรุนแรง นานๆจะเจอสักครั้ง เพราะพายุไต้ฝุ่นส่วนใหญ่เกิดในทะเลจีนใต้ บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มาถล่มหนักเวียดนาม ลาว เขมรและอ่อนตัวลง กลายเป็นพายุธรรมดาเมื่อเข้าประเทศไทย
5. ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก ในขณะที่ทุกประเทศในอาเซียนตกเป็นอาณานิคม
6. ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้พ่ายแพ้ในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
7. คนทุกชนชาติ และทุกศาสนาในประเทศไทยมีสิทธิ เสรีภาพ มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก
8. ประเทศไทย มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนัก เพื่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ทรงมีโครงการในพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ โครงการส่วนพระองค์ส่วนจิตรลดาทรงก่อตั้งมูลนิธิต่างๆมากมาย เช่น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิพระดาบส มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นต้น
ทรงอุปถัมถ์พระศาสนา ภาษาไทย วัฒนธรรม ประเพณี พระราชพิธี งานช่างหลวง การศึกษา การแพทย์ การคมนาคม การอนุรักษ์ดินและน้ำ ทรัพยากรป่าไม้ ป่าชายเลน เกษตรทฤษฎีใหม่ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ
9. พระพุทธศาสนา เจริญที่สุดในโลกในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกและทรงเป็นพุทธมามกะ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

นิทานสอนใจ เรื่อง "ดินสอกับยางลบ"

ดินสอกับยางลบ


นานมาแล้ว ดินสอเป็นเพื่อนกับยางลบ ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ทำอะไรด้วยกัน
หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน
มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอ ตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
หน้าที่ของยางลบก็คือลบ
มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา
เวลาผ่านไปนานหลายสิบปีทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา

จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า
ดินสอ : เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
ยางลบ : ทำไมหล่ะ
ดินสอ : ก็เราเขียน นายลบ แล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย
ยางลบ : เราก็แค่ทำตามหน้าที่ของเรา เราไม่ผิด

ทั้งคู่จึงแยกทางกัน
ดินสอ พอแยกทางกับยางลบ มันก้ดีใจที่สามารถเขียนอะไรก็ได้ตามใจของมัน
แต่พอเวลาผ่านไปมันก็เริ่มเขียนผิด ข้อความสวยๆที่มันเคยเขียน ก็สกปรก มีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด
"มันคิดถึงยางลบจับใจ"
ฝ่ายยางลบ พอแยกทางกับดินสอ มันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป
แต่พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า เพราะไม่มีอะไรให้ลบ
"มันคิดถึงดินสอจับใจ"

ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลง เขียนแต่สิ่งที่ดีๆ
ส่วนยางลบก็จะลบเฉพาะที่ที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น
ถ้าเปรียบกับการเขียนเป็นการจดจำ
ดินสอในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี
แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งที่ดีๆเท่านั้น
ส่วนการลบ ก็เปรียบเสมือนการลืม
ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่ดีและไม่ดี
แต่ทุกครั้งบที่ลืมเรื่องดี ตัวมันก็จะสกปรก
แต่ตอนหลังนั้น มันเลือกลืมแต่เรื่องที่ไม่ดี หรือก็คือการให้อภัยนั่นเอง

ถ้าจะเปรียบเทียบการเดินทางของทั้งคู่เหมือนมิตรภาพ ก็คือ
จงจดจำเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีให้กัน และ ขอให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดของกันและกัน
- จากหนังสือ อ่านไปให้รักเป็น - Love's Love

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

นิทานสอนใจ มานพ ผู้ไม่เคยพบความสุข

นิทานสอนใจ มานพ ผู้ไม่เคยพบความสุข


นิทานสอนใจวันนี้ที่ผมนำมาให้อ่านกัน ก็เป็นนิทานของท่าน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อีกเช่นเคยนะครับ ขอให้มีความสุขในวันศุกร์ และวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ
มานพเป็นชายหนุ่มที่รู้สึกว่าตัวเองน่าจะเป็นคนที่ไร้ความสุขที่สุดในโลก เพราะเขาไม่ใช่คนร่ำรวย ไม่มีเงินทองมากมาย ไม่มีบ้านใหญ่โตหรูหรา มานพคิดว่าทั้งหมดนี้คือ เหตุผลที่ทำให้เขาไม่เคยรู้จักกับความสุขเลย
วันหนึ่งมีนักบุญท่านหนึ่งเดินทางผ่านมายังหมู่บ้านที่มานพอาศัยอยู่ ชาวบ้านจึงพากันเชื้อเชิญให้นักบุญพักอยู่ในหมู่บ้านก่อนสักระยะ เพื่อสั่งสอนธรรมะให้แก่คนในหมู่บ้าน ซึ่งนักบุญก็ตอบรับคำเชิญนั้นด้วยความยินดี โดยปฏิเสธที่อยู่อันใหญ่โตและสะดวกสบายที่ชาวบ้านจัดหาให้ แต่ขอพำนักอยู่ในศาลาวัดประจำหมู่บ้านแทน
ฝ่ายมานพนั้นเมื่อ ทราบข่าวว่ามีนักบุญมาพำนักอยู่ในศาลาวัดก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก เพราะคิดว่านักบุญต้องช่วยให้เขารู้จักกับความสุขได้เป็นแน่ จึงรีบออกจากบ้านไปหานักบุญที่วัดทันที
เมื่อมานพไปถึงที่นั้น นักบุญกำลังนั่งสมาธิอยู่เพียงผู้เดียวพอดี
ท่านนักบุญ มานพเอ่ยเรียกเบาๆ
แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้นักบุญลืมตาขึ้นมองเขาพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ
ว่าอย่างไรเล่าเจ้าหนุ่ม มีเรื่องอันใดอยากให้ข้าช่วยอย่างนั้นหรือ นักบุญถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
โปรดช่วยกระผมด้วยเถิดท่านนักบุญ ทุกวันนี้กระผมรู้สึกทุกข์ทรมานเป็นกำลัง ด้วยว่าตั้งแต่เกิดมานั้น ยังมิเคยได้รู้จักกับความสุขอย่างใครเขาเลย มานพกล่าวอ้อนวอน
เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้นเล่า นักบุญถามอีก
เพราะ กระผมเป็นคนยากจน ไม่มีเงินทอง ไม่มีความพรั่งพร้อมในชีวิต ดังนั้นกระผมจึงไม่มีความสุข มานพตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
เจ้าหนุ่มเอ๋ย นักบุญกล่าว ความสุขนั้นหาได้ไม่ยากดอก จงจำไว้เถิดว่า แม้เจ้าจะไม่มีสิ่งเหล่านั้น แต่หากเจ้ามีความพอใจในความเป็นอยู่ของตนเองและพอใจในทุกสิ่งที่ตนเองมีแล้ว เจ้าก็จะพบกับความสงบสุขได้ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด
แต่มานพไม่เชื่อ เขารู้สึกต่อต้านคำสอนของนักบุญอย่างรุนแรง และพูดออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัวว่า
นี่คือคำสอนที่หาความจริงมิได้ ความพอใจในสิ่งที่มีไม่อาจทำให้เรามีความสุขได้เท่ากับการมีทองคำเป็นจำนวนมาก
นักบุญนิ่งมองมานพอย่างเนิ่นนาน ก่อนจะกล่าวแก่มานพต่อว่า
ถ้าเจ้าเชื่อมั่นเช่นนั้น ข้าก็จะมอบทองคำให้เจ้าตามต้องการ ด้วยการใช้นิ้วนางวิเศษของข้า เปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้กลายเป็นทองคำตามที่เจ้าต้องการ แต่มีข้อแม้ว่า สิ่งที่นำมาเปลี่ยนเป็นทองคำ จะต้องเป็นสิ่งที่อยู่ในครอบครัวของเจ้าตอนนี้เท่านั้น และจำต้องขนสิ่งเหล่านั้นมาด้วยตนเอง
เมื่อได้ฟังดังนั้น มานพก็รีบวิ่งกลับบ้านและเอาสิ่งของเท่าที่จะขนได้มากองไว้ตรงหน้านักบุญ นักบุญใช้นิ้วนางวิเศษจรดลงไปบนสิ่งของเหล่านั้นฉับพลันสิ่งของเหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นทองคำไปหมดทุกชิ้น
เห็นได้ดังนั้นแล้ว มานพถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เขารีบขนของที่กลายเป็นทองคำทั้งหมดกลับบ้าน แล้วไปขนเอาสิ่งของที่เหลือมาให้นักบุญเปลี่ยนเป็นทองคำอีกเรื่อยๆ
สามวันผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านของมานพกลายเป็นทองคำไปหมด แต่มานพก็ยังไม่พอใจ เขาคิดว่า เขายังมีทองคำไม่มากพอกับความต้องการและน่าจะมีทองคำเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ไม่มีอะไรในบ้านนี้เหลืออีกแล้ว แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า ยังมีบ้านของเขาหลังนี้อยู่อีกหนึ่งอย่าง ซึ่งยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นทองคำเรายังมีบ้านของเรานี่ ใช่แล้ว เราจะให้นักบุญเปลี่ยนบ้านของเราให้กลายเป็นทองคำ แล้วเราก็จะร่ำรวยมหาศาล
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่มานพไม่สามารถขนบ้านของเขาไปให้นักบุญได้ด้วยตนเอง เขาจึงไปหานักบุญแล้วพูดว่า
กระผม อยากให้ท่านช่วยเปลี่ยนบ้านของกระผมให้กลายเป็นทองคำ แต่กระผมคนเดียวไม่อาจขนบ้านทั้งหลังมาให้ท่านได้ ดังนั้นขอได้โปรดเถิดท่านนักบุญผู้วิเศษ ขอเชิญท่านไปที่บ้านของกระผมเพื่อใช้นิ้วนางที่วิเศษของท่าน แตะบ้านของกระผมให้เปลี่ยนเป็นทองคำด้วยเถิด
แต่นักบุญส่ายหน้า แล้วพูดว่า แม้บ้านของเจ้าจะเปลี่ยนเป็นทองคำทั้งหลัง แต่เจ้าก็จะไม่มีวันได้พบกับความสุขหรอก เพราะเจ้าไม่เคยพอใจในสิ่งที่เจ้ามี เมื่อได้แล้วก็อยากได้อีกเรื่อยๆ ทำให้เจ้ายิ่งทุกข์ทรมานเพราะความอยากได้ที่เพิ่มทวีนั้น
แต่ถ้ากระผมมีบ้านทองคำ กระผมเชื่อว่ากระผมต้องมีความสุขแน่ๆ มานพว่า
ข้าจะไม่ไปที่บ้านเจ้าหรอก นักบุญยืนยัน
ถ้าอย่างนั้น กระผมก็ต้องในสิ่งที่ไม่อยากทำ
มานพดึงมีดที่พกติดตัวมาออกจากฝัก กระผมจะตัดนิ้ววิเศษของท่านเสียเดี๋ยวนี้
นอกจากจะไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆ แล้ว
นักบุญยังยื่นนิ้วนางวิเศษของตนออกมาให้มานพอีกด้วย
ถ้าเจ้าคิดว่านี่คือความสุขของเจ้า ก็ตัดเอาไปได้เลย
ตอนนี้มานพไม่คิดถึงความผิดชอบชั่วดีอะไรทั้งสิ้น ในหัวของเขามีแต่ภาพฝันของชีวิตที่แสนสบายหลังความร่ำรวย ความโลภเข้าครอบงำสติของเขาไปแล้วจนหมดสิ้น….
แล้วมานพก็จับนิ้ววิเศษของนักบุญ พร้อมกับเงื้อมีดขึ้นเพื่อจะตัดนิ้วนางนั้น….
แต่….
มานพได้สมปรารถนาไม่ เขายังคงไม่รู้จักกับความสุขเหมือนเคย และไม่มีโอกาสได้หาความสบายจากความร่ำรวยนั้น ด้วยทันทีที่มานพแตะนิ้วของนักบุญ ร่างเขาก็กลายเป็นทองคำที่ไร้จิตวิญญาณไปในทันที จากวันนั้น ก็ไม่เคยมีใครพบเห็นนักบุญท่านนั้นอีกเลย ส่วนทองคำของมานพก็ถูกทางการส่งเจ้าหน้าที่มาเก็บเข้ากองคลังหลวงเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป

เธอทั้งหลาย
หลายๆ ครั้ง เธอก็รู้สึกใช่ไหมว่า ตนเองนั้นไม่เคยมีอะไรมากพอ หรือสิ่งที่มีก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด เธอจึงพยายามดิ้นรนขวนขวายอยู่นั่นแล้ว แต่เคยสังเกตหรือไม่ ยิ่งเธอมี เธอก็ยิ่งไม่เคยพอ เธอว่า หากสิ่งที่เธอมีสิ่งที่เธอต้องการนั้นแล้ว เธอจะมีความสุข แต่เมื่อเธอได้สิ่งนั้นมา เธอกลับพบว่า เธอต้องเหนื่อยมากขึ้นเพื่อรักษาสิ่งนั้นให้อยู่กับเธอนานที่สุด และตัวเธอก็ไม่อาจหยุดที่จะไขว่คว้าสิ่งที่ดีกว่านั้นต่อไปได้
ความพยายามทำให้ตนเองไปสู่จุดที่ดีกว่านั้นเป็นเรื่องน่าสนับสนุนทีเดียว แต่บางครั้งเธอต้องรู้จักพอ เมื่อถึงจุดที่คิดว่ามันเหมาะสมกับตัวเธอแล้ว และต้องรู้จักค้นหาวิธีที่บริสุทธิ์เพื่อนำตนเองไปสู่ความสุขที่แท้จริงความโลภ ความโกรธ ความหลง มักก่อให้เกิดกิเลส และท้ายที่สุดแล้ว กิเลสจะเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวของเธอไม่เหลือความสุข หรืออะไรๆ ในชีวิตอีกเลย