วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

จิ๋วแต่แจ๋ว องค์กร “เล็ก” แต่ลูกน้อง “รัก”

จิ๋วแต่แจ๋ว องค์กร เล็กแต่ลูกน้อง รัก

เปลี่ยนองค์กรเล็กๆของคุณให้มีศักยภาพ และน่าสนใจเป็นที่ต้องการของพนักงานเก่งๆ ได้ง่ายๆดังนี้ 

            สร้างวัฒนธรรมองค์กรสุดเจ๋ง 
            พนักงานไม่ได้ต้องการบริษัทที่เป็นแค่สถานที่ทำงาน และที่จ่ายเงินเดือนให้พนักงานเท่านั้น แต่พวกเขาต้องการบริษัทที่มีสภาพแวดล้อม และวัฒนธรรมที่เอื้อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ พนักงานทำงานอย่างมีความสุข และมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงาน ซึ่งคุณต้องนำเสนอจุดเด่นขององค์กรให้พวกเขาเห็นว่าคุณทำงานกันอย่างไร รวมถึงคุณดูแลพวกเขาดีเพียงใด 

            เปลี่ยนวิธีการสัมภาษณ์ 
            ตอนที่คุณสมัครงาน คุณเคยปฏิเสธงานเพราะไม่ประทับใจในการสัมภาษณ์หรือไม่ ผู้สมัครของคุณก็อาจเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ลองย้อนกลับมาคิดดูว่า คุณเสียผู้สมัครไปกี่คนจากการสัมภาษณ์ ลองสอบถาม feedback จากพวกเขาดู หรือไม่ก็ให้เพื่อนของคุณลองมาสัมภาษณ์กับบริษัทของคุณ และสอบถามเขาว่า เขารู้สึกอย่างไรบ้างกับการสัมภาษณ์ คุณจะได้รีบนำมาปรับปรุงแก้ไข ก่อนที่จะเสียผู้สมัครคนอื่นๆ ไปอีก 

            อยู่กับปัจจุบันและอนาคต 
            เป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทจะไม่มีคนลาออก บริษัทส่วนใหญ่กำหนดให้พนักงานที่ลาออกอยู่ทำงานให้ครบตามกำหนดก่อนจะย้ายที่ใหม่ แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าพวกเขาไม่ได้สนใจทำงานให้คุณแล้ว ลองลดช่วงเวลาที่พนักงานเก่าจะต้องอยู่ทำงานต่อให้สั้นลง เพื่อที่คุณจะได้รับพนักงานใหม่ไฟแรงมาให้เร็วที่สุด ให้เวลากับการฝึกฝนคนใหม่ และยินดีกับความก้าวหน้าของพนักงานที่ได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ 

            ให้ความสำคัญกับค่าตอบแทน 
            ถึงแม้ว่าในปัจจุบันค่าตอบแทน จะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของคนทำงาน เพราะเดี๋ยวนี้คนทำงานหันมาให้ความสำคัญในเรื่ององค์ประกอบต่างๆ ที่สร้างความสุขในการทำงาน และความน่าท้าทายของงานมากกว่า แต่คุณอย่าเพิ่งคิดว่าเรื่องค่าตอบแทนไม่สำคัญนะคะ มันยังคงสำคัญอยู่ ถ้าคุณลดค่าตอบแทนลงเมื่อไหร่ลูกน้องคุณหนีไปหมดแน่ๆ วิธีที่ดีกว่านั้น คุณต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ หรือหาทางเพิ่มรายได้ เพื่อที่คุณจะสามารถจ่ายให้พนักงานได้อย่างเหมาะสมกับศักยภาพที่พวกเขามี 

            ถึงบริษัทใหญ่ๆ จะเป็นเป้าหมายใครหลายๆ คน แต่คุณก็สามารถทำให้บริษัทเล็กๆ ของคุณ ได้พนักงานดีๆ มาร่วมงานด้วย ช่วยกันคิด ช่วยกันทำและช่วยกันสร้างให้ยิ่งใหญ่ขึ้นได้ในสักวัน 


ข้อมูลจาก http://www.prosofthrmi.com/

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

5 คำพูด “กระชากใจหัวหน้า” เวลาประชุม

5 คำพูด กระชากใจหัวหน้า เวลาประชุม

ผมหาวิธีแก้ปัญหาได้
หัวหน้าผู้เป็นที่รักยิ่งของพวกเรานั้นต้องเจอกับปัญหาเรื่องงานนานัปการที่กรอกหูกรอกตามาทั้งวัน การที่มีใครคนนึงเสนอทางออกหรือหนทางแก้ปัญหาที่ดีให้กับเขา จะทำให้หัวหน้าถึงกับชื่นอกชื่นใจเลยทีเดียว ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจกับการคิดหาหนทางในการแก้ปัญหานั้นๆ เมื่อหาได้แล้วก็ลองไปเสนอแนะให้เขาดู โชว์ศักยภาพของเรา แสดงความมุ่งมั่น และเผยต่อมความสร้างสรรค์เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นการพัฒนาให้ตัวเราเองทั้งนั้นครับ

ผมรับผิดชอบเอง
เราทุกคนต่างก็ทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น การแสดงความรับผิดชอบจะช่วยบ่งบอกถึงศักยภาพของเรา และการรับมือกับปัญหาได้ดี ถ้าเป็นไปได้บอกหัวหน้าด้วยว่าเพราะอะไรเราถึงทำพลาด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เชื่อเถอะครับว่าอุปสรรคมีคุณค่าต่ออนาคตคนเรา เสมอ

ผมทำงานนี้เอง
เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะเพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบที่นอกเหนือจากขอบเขตงานของตนเองหรอก เงินก็ไม่ได้เพิ่ม แฟนก็ไม่ได้สวยหล่อขึ้น แต่หากลองมองมุมกลับเราจะพบว่านี่คือโอกาสที่เราจะแสดงให้หัวหน้าเห็นว่าเรามีศักยภาพและความพร้อมมากแค่ไหน เกิดวันดีคืนดี เราอาจได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมา รับรองว่าเงินก็ได้เพิ่มขึ้น จะหาแฟนสวยหล่อก็ยังไหว ครับ

มาเดี๋ยวผมช่วย
การยื่นมือช่วยเพื่อนร่วมงานที่กำลังมีปัญหากับตัวงานนั้น นอกจากจะเป็นการแสดงความมีน้ำใจต่อผู้อื่นแล้ว ยังช่วยทำให้หัวหน้าเห็นว่าเราสามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้ และสามารถทำงานที่นอกเหนือจากบทบาทหน้าที่ของเรา ความมีน้ำใจคือของชั้นดี ไม่ต้องเสียทรัพย์ และมีผลต่อผู้พบเห็นมาก

ผมมีไอเดีย!
เวลาที่เรามีไอเดีย หรือมุมมองใหม่ๆดำผุดดำโผล่อยู่ในหัวและเสนอออกมาในที่ประชุม นั่นจะทำให้เราดูโดดเด่นในสายตาของหัวหน้าเลยเชียวล่ะ เพราะมันแสดงถึงการที่เราให้ ใจกับการทำงาน และยังให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับทีมและบริษัทอีกด้วย จำไว้เสมอครับว่าทุกสิ่งสำเร็จได้เพราะ ใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.marketingoops.com/

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

23ข้อดี ของการ "อ่านหนังสือ" เป็นประจำ


23ข้อดี ของการ "อ่านหนังสือ" เป็นประจำ

1.อ่าน นิยายทำให้สมองทำงานดีขึ้นไปหลายวัน
ผลการศึกษาของ Emory University บอกว่าการอ่านนิยาย การอ่านหนังสือ ทำให้การเชื่อมต่อของสมองและการทำงานกับส่วนต่างๆ กล้ามเนื้อสมองส่วนต่างๆ ดีขึ้น เพราะเมื่อเราเข้าไปอยู่ในโลกของคนเขียนและต้องมองภาพตาม จินตนาการตาม นั่นคือการกระตุ้นการทำงานของสมองชั้นดี

2.อ่านหนังสือช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และสมองเสื่อม
การอ่านหนังสือ ก็คือ การออกกำลังกายของสมอง และนั่นทำให้เป็นการป้องกันโรคเกี่ยวกับสมอง อย่าง อัลไซเมอร์ และสมองเสื่อมได้ดี

 3.อ่านหนังสือช่วยลดความเครียด
University of Sussex บอกว่าการเริ่มอ่านหนังสือไปได้เพียงแค่ 6 นาทีก็เริ่มลดความตึงเครียดได้ เพราะฉะนั้น การอ่านหนังสืออาจจะคลายเครียดได้ดีกว่าการฟังเพลง หรือเดินเล่นเสียด้วยซ้ำ

 4.อ่านหนังสือช่วยให้คุณ หลับสบายขึ้น
อ่านหนังสือทำให้ใจเย็นลง นอกจากนี้ หากแสงไฟทำให้ร่างกายรู้สึกว่าต้องตื่น การอ่านหนังสือในแสงนุ่มๆ อ่อนๆ ก็ทำให้ร่างกายรู้ว่าถึงเวลาจะต้องพักผ่อนและหลับเช่นกัน

 5.อ่านหนังสือช่วยให้คุณเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
แม้จะเป็นเรื่องจริง หรือไม่จริงก็ตาม หากคุณอ่าหนังสือ คุณจะเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในโลกๆ นั้นของหนังสือ และทำความเข้าใจราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่เขียนขึ้นมา และทำให้คุณเข้าใจคนอื่นๆ มากขึ้น ซึ่งสามารถส่งผลต่อชีวิตจริงของคุณได้เช่นกัน

 6.หนังสือแนวแนะนำการใช้ชีวิต ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้จริง
การศึกษาหนึ่ง นำเอาคนที่เป็นโรคซึมเศร้า มาอ่านหนังสือแนวแนะนำการใช้ชีวิต ฮาวทู ต่างๆ พบว่ามันช่วยลดอาการซึมเศร้าได้จริงๆ


7.อ่านหนังสือทำให้คุณมีเสน่ห์ขึ้น
ผลการศึกษาชี้ว่า การอ่านหนังสือทำให้คนรู้สึกว่าคุณมีความคิด ความอ่าน และฉลาด ซึ่งนำไปสู่ความคิดที่ว่าคุณมีเสน่ห์มากกว่า ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะเด่นๆ ที่ผู้หญิงส่วนมากมองว่าผู้ชายเซ็กซี่เลยล่ะ

8.ส่วนมากคนที่อ่านหนังสือจะมีเป้าหมายชีวิตชัดเจน
โดยเฉพาะการอ่านหนังสือเกี่ยวกับชีวิตคนที่ประสบความสำเร็จ มักส่งผลให้เกิดแรงบันดาลใจให้คนที่อ่าน อยากทำตาม ดำเนินรอยตาม และตั้งเป้าชีวิตของตนเองเช่นกัน

9.คนที่อ่านหนังสือ จะยอมรับความต่างทางวัฒนธรรมได้ดีกว่า
การศึกษาของ National Endowment for the Arts ชี้ว่า คนที่อ่านมาก จะรู้มากและเข้าใจความต่างทางวัฒนธรรม และมีแนวโน้มที่จะยอมรับในความแตกต่างนั้นๆ ได้ดีกว่า

 10.อ่านหนังสือ ผ่อนคลายและช่วยบรรเทาได้พอๆ กับการฟังเพลงหรือดูหนัง
หากคุณเจอเรื่องเครียดๆ มา อ่านหนังสือช่วยได้ และนอกจากนี้ The American University บอกว่า หากคุณอ่านหนังสือ และเจอตัวละครหรือบทบาทใดที่เจอเรื่องคล้ายๆ คุณ อาจจะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณควรทำอย่างไรให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้

11.อ่านหนังสือ จะมีความจำที่ดีกว่า ฉลาดกว่า
เพราะการอ่านหนังสือคือการออกกำลังกายสมอง ทุกครั้งที่อ่าน คุณจะมีความทรงจำใหม่ สมองจะได้ทำงาน และฝึกฝนความจำได้ดีขึ้นนั่นเอง

12.อ่านหนังสือทำให้คุณรู้คำศัพท์มากขึ้น
Rhode Island Hospital เปรียบเทียบคำศัพท์ที่เด็กเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ด้วยการลองเทียบเด็กสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้มีคนอ่านหนังสือให้ฟัง กลุ่มสองไม่มีคนอ่านให้ฟัง พบว่าเด็กกลุ่มแรกรู้ศัพท์เพิ่มขึ้น 40% กลุ่มที่สองแค่ 16% เท่านั้น

13.อ่านหนังสือทำให้คุณเขียนดีขึ้น
การอ่านหนังสือมากๆ โดยเฉพาะหนังสือดีๆ การเขียนของคุณจะดีขึ้นตามไปด้วย ไม่ต่างจากการฟังเพลงดีๆ มากมาย และส่งผลต่อการเขียนเพลง ทำเพลงของนักดนตรี
14.คนอ่านหนังสือมีแนวโน้มชอบออกกำลังกาย
จากการสำรวจพบว่า คนชอบอ่านหนังสือ จะชอบออกกำลังกายด้วย นั่นคือข้อดีที่นอกจากคุณจะได้ความรู้แล้ว ร่างกายยังแข็งแรงอีกด้วย!

15.คนอ่านหนังสือมากมีแนวโน้มช่วยสังคม
นอกจากชีวิตคุณเองจะดีแล้ว คนที่อ่านหนังสือยังอยากพัฒนาชีวิตคนอื่นๆ ซึ่งส่วนมากคนพวกนี้จะชอบทำงานอาสาสมัครและการกุศลอีกด้วย เพราะคนที่อ่านมาก จะเข้าใจชีวิตคนอื่นมากกว่า โดนเฉพาะคนที่แย่กว่านั่นเอง

16.คนอ่านหนังสือจะใจกว้าง
ผลการศึกษาใน the Creativity Research Journal ระบุว่า คนที่อ่านหนังสือมากๆ มีแนวโน้มที่จะเปิดรับและเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ดีกว่า และมากกว่าคนที่ไม่อ่านหนังสือเลย

17.การอ่านทำให้เรียนภาษาง่ายขึ้น
ผลจากการศึกษาในหลายๆ ที่พบว่า การอ่านทำให้สมองในซีกที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ด้านภาษาทำงานได้ดีขึ้น

18.การอ่านทำให้คุณเป็นคนฟังที่ดีขึ้น
การฟัง คือสิ่งที่สำคัญมากๆ ในหลายๆ ด้านชองชีวิต ตั้งแต่เรื่องความสัมพันธ์จนถึงเรื่องวิชาการ และการอ่านจะช่วยคุณให้ฟังได้เข้าใจขึ้น ง่ายขึ้น จดจำได้ดีขึ้น เพราะคุณรู้ศัพท์มากกว่า เข้าใจได้ง่ายกว่านั่นเอง

19.อ่านมากยิ่งเป็นคนสร้างสรรค์มาก
เมื่อผู้สอนที่ Obafemi Awolowo University นำการสอนแบบให้เด็กเล็กได้อ่านการ์ตูนนั้น พบว่าเด็กมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

20.พ่อแม่ที่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง จะมีความสัมพันธ์กับลูกที่ใกล้ชิดมากขึ้น
นักจิตวิทยาบอกว่า การอ่านหนังสือให้ลูกฟังจะสร้างสายใยระหว่างพ่อแม่ลูกได้ดีมาก และแน่นอนว่าดีกว่าการให้ลูกดีทีวี หรือเล่นคอมพิวเตอร์แน่นอน

21.อ่านหนังสือมากมีแนวโน้มการเงินมั่นคง
จากการสำรวจพบว่า ผู้ใหญ่ที่ไม่อ่านหนังสือ 43% มีชีวิตอยู่ในความยากจน ส่วนคนที่อ่านหนังสือเป็นประจำนั้น 4% เท่านั้นที่ยากจน

22.เด็กที่ชอบอ่านหนังสือเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องหยังสือเรียนนั้น มีแนวโน้มเรียนดีกว่า
เพราะเด็กพวกนี้จะมีการฝึกสมองอยู่เป็นประจำ ความจำดี เรียนรู้ศัพท์ได้มากกว่า นั่นทำให้มีแนวโน้มเรียนดีกว่าในโรงเรียน

23.อ่านหนังสือช่วยให้นักโทษไม่กลับไปทำผิดอีก
จากการศึกษาพบว่า นักโทษที่อ่านหนังสือในคุก และผ่านคอร์สการอ่านเพื่อบำบัดนักโทษ มีแนวโน้มไม่ทำผิดอีกเมื่อออกจากคุกเพิ่มขึ้น 30% ทำให้บางประเทศ อาทิ บราซิล เสนอให้มีการลดโทษ หากนักโทษเลือกที่จะอ่านหนังสือระหว่างติดคุก

ขอบคุณข้อมูลจาก https://blog.eduzones.com/